บันทึกการเดินทางฟื้นฟูจิตใจศิษย์เก่า สาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา ครั้งที่ 11

 

บันทึกการเดินทางฟื้นฟูจิตใจศิษย์เก่า  

สาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา ครั้งที่ 11

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน - วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

 ณ สังฆมณฑลจันทบุรี

หัวข้อ “50 ปีแสงธรรม รวมใจก้าวเดินไปด้วยกัน”

 

โครงการฟื้นฟูจิตใจศิษย์เก่า สาขาวิชาคริสตศาสตร์ ครั้งที่ 11  นี้ได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน - วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ณ วิทยาลัยแสงธรรมและสังฆมณฑลจันทบุรี โดยมีบาทหลวงวิทยาเลิศทนงศักดิ์ อาจารย์ศรัญญู พงศ์ประเสริฐสิน อาจารย์สุดหทัย นิยมธรรม และนางสาวกัญวสุ ศรีไทย เป็นที่ปรึกษา โดยมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูชีวิตและจิตใจครูคำสอนศิษย์เก่าให้เข้มแข็ง เสริมสร้างจิตตารมณ์ครูคำสอนและให้กำลังใจกันและกัน 

 


 


การเดินทางครั้งนี้มีวิทยากร ศิษย์เก่าฯ และคณาจารย์จากวิทยาลัยแสงธรรมร่วมออกเดินด้วยกันเป็นจำนวน 24 คน เริ่มต้นการฟื้นฟูจิตใจด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณ โดย บาทหลวงธีรพล กอบวิทยากุล  อธิการบดีวิทยาลัยแสงธรรม เป็นประธานและได้ให้ข้อคิดว่า..ให้เราจะได้ใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ละเลยใคร หรือสิ่งใดไป เพราะเราแต่ละคนก็เป็นบุคคลเล็ก ๆ ในสังคม ในสังฆมณฑล ในวัด ในหมู่บ้านของเรา แต่เราสำคัญในบทบาทหน้าที่ของเรา และเป็นกำลังใจให้พวกเราจะได้ทำหน้าที่ต่าง ของพวกเราอย่างดี ขอให้ติดตามพระต่อไป แม้จะมีความยากลำบาก โดยขอพระหรรษทานจากศีลมหาสนิทจะช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้เติบโตในการทำงานและทำหน้าที่อย่างดี

 


 



จากนั้นเราออกเดินทางสู่สังฆมณฑลจันทบุรี ด้วยรถตู้ของวิทยาลัย 2 คัน ซึ่งตลอดการเดินทางได้พูดคุยแบ่งปันชีวิตกัน ทำให้การเดินทางไกลเต็มไปด้วยความสุขและสนุกสนาน เราไปถึงจุดหมายปลายทาง ณ เสน่ห์ทะเลจันทร์โฮมสเตย์ อ.ขลุง จากนั้นได้ลงเรือชมธรรมชาติและเหยี่ยวแดงที่บินไปมาต้อนรับการมาเยือนของพวกเราและแยกย้ายกันเข้าสู่ห้องพักของตน

 




จากนั้นเวลา 18.00 น. เราได้เรียนคำสอนยามเย็นกันเล็กน้อย โดย บาทหลวงนุพันธ์ ทัศมาลี ได้แบ่งปันเรื่อง “การก้าวเดินไปด้วยกันในชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักร” (Synodality in the Live and Mission of the Church) ให้ตระหนักถึงการก้าวเดินไปด้วยกันในชีวิตของพระศาสนจักร ตามพันธกิจที่เราต้องทำ ตามหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมายในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การมีส่วนร่วมในพันธกิจต่าง ๆ เหมือนกับเถาวัลย์ที่เกี่ยวข้องกัน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยการมองดูสถานการณ์ปัจจุบันทั้งภายนอกและภายในของพระศาสนจักร รวมถึงการสอนคำสอนที่เหมาะสมในยุคปัจจุบัน เราต้องตระหนักถึงบุคคลที่เราจะต้องเอาใจใส่อภิบาลเป็นพิเศษคือ คนยากจน เยาวชน ครอบครัวและกระแสเรียก หัวใจของการก้าวเดินร่วมกัน คือให้ทุกคนฟังเสียงของพระจิตเจ้า และฟังเสียงของกันและกัน เพราะปัจจุบันมีคนพูดมากกว่าฟังกัน เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันโดยการฟังกันและกัน และมีส่วนร่วมโดยช่วยเหลือเป็นพี่น้องกัน 

 





เราอาจเคยได้ยินคนพูดว่าเด็กและเยาวชนทอดทิ้งวัด แต่เด็ก ๆ กลับรู้สึกว่าพระศาสนจักรทอดทิ้งพวกเขา ดังนั้น เราอาจต้องกลับมามองอีกครั้งว่า เราได้ปล่อยปะละเลยเด็ก ๆ ที่เราดูแลไปบ้างหรือไม่ การก้าวเดินไปด้วยกันตั้งแต่สมัยอาดัมและเอวาในสวนเอเดน จนถึงการก้าวเดินของพระศาสนจักรปัจจุบัน โดยอาศัยการนำทางของพระจิตเจ้าจะต้องปรับตัวและจะต้องก้าวเดินทางด้วยการสำนึกในความเชื่อ ด้วยการเป็นคริสชนที่นำพระวาจาของพระเจ้าไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิต เป็นศิษย์พระคริสต์และศิษย์ธรรทูตของพระคริสตเจ้าด้วยการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง ที่สุดเพื่อจะก้าวเดินไปด้วยกันจำเป็นต้องกลับใจ กลับมารับฟังกันอีกครั้งหนึ่ง กลับมาฟังพระเจ้า และกลับใจด้านจิตตารมณ์ โดยอย่าลืมจุดเริ่มต้นของพันธกิจการประกาศข่าวดีของเรา ให้งานประสบความสำเร็จ ทำงานอย่างสร้างสรรค์ แลมีชีวิตที่มีความสัมพันธ์กัน ด้วยการรักผู้อื่น  

หลังจากนั้นเวลา 18.45 น. เราได้รับประทานอาหารเย็น กินปู ดูดาว พักผ่อนหย่อนใจร่วมกัน 

 








เช้าวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2566







เราเริ่มกิจกรรมหลังอาหารเช้า โดยการภาวนาและเรียนคำสอนยามเช้าด้วยกัน โดย บาทหลวงนุพันธ์ ทัศมาลี ได้แบ่งปันในเรื่อง แนวทางการสอนคำสอนคู่สมรส (Catechumenal Pathways for Marrief Life) ตามคำแนะนำของสมณกระทรวงเพื่อฆราวาส ครอบครัว และชีวิต (Dicastery for Laity, Family and Life) เพื่อให้เราทราบถึงแนวทางอภิบาลของพระศาสนจักรคาทอลิกของเรา 


 





หลังจากนั้นเราได้ออกเดินทาง เยี่ยมชมอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จ.จันทบุรี (Immaculate Conception of Mary Cathedral, Chanthaburi) และสวดภาวนาขอพรพระเจ้าร่วมกัน 

 








จากนั้นทานอาหารเที่ยงที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวป้าน้อง ซอยท่าเรือจ้าง เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อเลียงสูตรโบราณ ที่ใส่ "เร่ว" พืชท้องถิ่นของจันทบุรีลงไป ทำให้ได้ความหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เราได้ไปเยี่ยมชมชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรี ที่มีชาวจีนและชาวญวนอพยพมาอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น 


 









เวลา 14.00 น. เราได้ออกเดินทางเพื่อไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดแม่พระถวายองค์ มูซู โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณพ่อพงษ์นิรันดร์ นัมคณิสรณ์ คุณพ่อได้ให้กำลังใจพวกเราครูคำสอนและเลี้ยงบุฟเฟต์ผลไม้ คือ ทุเรียน มะม่วง เงาะ และมังคุด ทำให้พวกเราทั้งอิ่มกายและอิ่มใจในการมาเยือนจันทบุรีครั้งนี้ 

 





















จากนั้นเราเดินทางสู่ที่พัก Green Terrace Resort และทานอาหารเย็น คือ หมูกระทะยืนกิน โดยได้รับการสนับสนุนจากพระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี
















และแลกเปลี่ยนของขวัญกันในธีม “แสง” กันอย่างสนุกสนาน และปิดท้ายด้วยการแบ่งปันชีวิตครูคำสอนและภาวนาค่ำ และพักผ่อน 




























วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม

หลังจากอาหารเช้า เราได้สรุปและแบ่งปันกันถึง “ความประทับใจ หรือสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับจากการฟื้นฟูจิตใจในครั้งนี้”ร่วมกัน ซึ่งจากการมาใช้ชีวิตร่วมกันในสามวันนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมาที่เราไม่ได้พบกันนั้น โควิด ภาระ และสถานการณ์ต่าง ๆ ก็ได้บั่นทอนชีวิตของพวกเราไปอย่างมาก และเราต้องการฟื้นฟูจิตใจ ต้องการกำลังใจ เมื่อเราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มาแบ่งปันความสุข ความทุกข์ มาทบทวนชีวิตของเราร่วมกัน ในครอบครัวใหญ่ของพวกเรา การแบ่งปันชีวิตร่วมกันของเรา ทำให้เราเห็นและยืนยันว่าพระเจ้าทรงอยู่ในชีวิตของเราแต่ละคน และเมื่อเรามาอยู่รวมกัน เราก็ได้ส่งต่อพลังใจและความตั้งใจดีในการทำงานให้แก่กันและกัน แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้มีความสะดวกสบาย ไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่จุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ก็คือ อยากให้เราทุกคนที่มาร่วมฟื้นฟูจิตใจมีความสุข ที่สุดเราก็อยากให้ศิษย์เก่าที่ไม่ได้มาร่วมในครั้งนี้ จะได้มามีประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกันอย่างที่พวกเราแต่ละคนได้รับ       

 




พระเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคน และเรียกเราเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกัน ให้เราเป็นของขวัญแก่กันและกัน เป็นของขวัญที่ไม่เหมือนกัน แต่พระองค์อยากให้เรามีความสุข เพื่อเราจะได้นำความสุขไปมอบให้คนอื่น และเมื่อเราทำสิ่งดี ๆ ให้คนอื่น เราก็จะได้รับความสุขกลับมา 

 


 

ในโอกาสนี้ ศิษย์เก่าคณะคริสตศาสตร์ ขอขอบพระคุณ​ พระสังฆราช ซิลวีโอสิริพงษ์ จรัสศรี ที่เลี้ยงอาหารพวกเรา ขอบคุณคุณพ่อเอกพงษ์ สุวิชากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล คุณพ่อพงษ์นิรันดร์ นัมคณิสรณ์ เจ้าอาวสวัดแม่พระถวายองค์ มูซู ที่ให้การต้อนรับพวกเราอย่างดี ขอบคุณ คุณพ่อนุพันธ์ ทัศมาลี วิทยากรในการฟื้นฟูจิตใจในครั้งนี้ ที่ให้ความสำคัญและสละเวลาอันมีค่ามาร่วมเดินทางและแบ่งปันความสุขให้กับพวกเราในครั้งนี้ และที่สุดขอขอบคุณวิทยาลัยแสงธรรม ที่สนับสนุนในการจัดโครงการฟื้นฟูจิตใจฯ ในครั้งนี้ ทำให้เราพบพระเยซูเจ้าในกันและกัน ช่วยเติมพลังกายพลังใจ และกลับบ้านไปทำภารกิจของแต่ละคนต่อไป 


 

      ขอขอบพระคุณ

นางสาวกฤติยา  อุตสาหะ

ประธานศิษย์เก่าฯ

 

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึกการเดินทางฟื้นฟูจิตใจศิษย์เก่า คริสตศาสนศึกษา ครั้งที่ 12